Olaian รุ่น Malibu 8’2″ 500 Hard Surfboard with 3 Fins
กระดานโต้คลื่นนั้นถึงแม้ว่าภายนอกจะดูว่ามีลักษณะที่คล้ายคลึงกันจนแทบจะแยกไม่ออก แต่ความจริงแล้วกระดานโต้คลื่นแต่ละรุ่นและแต่ละแบรนด์นั้นก็มีความแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะด้วยวัสดุ เทคนิคในการผลิต เทคโนโลยีที่ใส่เข้ามาให้ รวมไปถึงวัสดุที่ใช้อีกด้วย หลายคนโดยเฉพาะคนที่เพิ่งเริ่มทำกิจกรรมกลางแจ้งอย่างการโต้คลื่นนั้นอาจเริ่มด้วยกระดานโต้คลื่นที่เป็นชนิดโฟมที่มีน้ำหนักค่อนข้างเบาและช่วยให้ทรงตัวได้ง่าย ในวันนี้เราจะมาแนะนำกระดานโต้คลื่นอีกชนิดซึ่งเป็นที่นิยมไม่แพ้กันนั่นก็คือ กระดานโต้คลื่นชนิดแข็ง Olaian รุ่น Malibu 8’2″ 500 Hard Surfboard with 3 Fins ความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดระหว่างชนิดแข็งและชนิดโฟมนั้นก็คือราคา
ปกติแล้วกระดานโต้คลื่นชนิดโฟมราคาจะอยู่ที่ประมาณหลักพัน แต่อย่างกระดานโต้คลื่นชนิดแข็งรุ่น Olaian รุ่น Malibu 500 นี้มาในราคา 14,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่แทบจะขึ้นไปเท่าตัวเลยทีเดียว เป็นเพราะอะไรนั้นเดี๋ยวเรากำลังจะได้ทราบกัน โดยกระดานชนิดแข็งนั้นเป็นประเภท Epoxy resin ดังนั้นมันจึงจะมีความแข็งมากกว่ากระดานชนิดโฟม ทำให้มีความแข็งแรงทนทานมากยิ่งขึ้น โดยรุ่นนี้มีปริมาณอยู่ที่ 63 ลิตร เหมาะสำหรับคลื่นขนาดเล็กที่มีความสูงไม่เกิน 1 เมตรและคลื่นขนาดปานกลางที่มีความสูงไม่เกิน 1.5 เมตร สามารถรองรับน้ำหนักของผู้ใช้งานได้ไม่เกิน 100 กิโลกรัม ดังนั้นแม้ว่าคุณจะเป็นคนที่มีน้ำหนักตัวมากก็ยังสามารถใช้กระดานรุ่นนี้ได้ สามารถใช้งานได้ถี่ตามเท่าที่ต้องการ เหมาะกับระดับการเล่นในระดับปานกลาง
กระดานโต้คลื่นชนิดแข็งรุ่น Malibu 500 ได้รับการออกแบบโดย Jeremy Smith แต่รุ่นนี้จะเป็นสีพื้นที่ไม่ได้มีลวดลายหรือความฉูดฉาดมากมายนัก มีให้เลือก 2 สีด้วยกันนั่นก็คือสีขาวและสีน้ำเงิน ขนาดของกระดานรุ่นนี้อยู่ที่ 248 x 55.6 x 7.6 เซ็นติเมตร ซึ่งเป็นขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ไม่น้อยเลยทีเดียว ตัวโครงสร้างนั้นใช้วัสดุเป็นอีพ็อกซี่เรซิ่น ไม้ และไฟเบอร์กลาส ดังนั้นมันจึงจะมีความแข็งแรงทนทานกว่าชนิดโฟมเป็นอย่างมาก ซึ่งหมายถึงโอกาสที่จะเกิดความเสียหายจากการใช้ในการโต้คลื่นนั้นก็จะลดน้อยลงไปด้วยเช่นเดียวกัน
ได้รับการออกแบบมาให้มีรูปทรงที่เหมาะกับการโต้คลื่น ช่วยให้สามารถควบคุมกระดานได้เป็นอย่างดี ด้วยความที่พื้นผิวด้านบนมีความเรียบดังนั้นเวลาที่พายไปหาคลื่นก็จะสามารถทำได้ง่ายโดยที่ไม่ไม่รู้สึกเจ็บแสบผิวหนังจากการเสียดสี แต่อย่างไรก็ตามควรเก็บรักษาไว้ในพื้นที่ที่ไม่โดนแดดและไม่ร้อนจัด เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งานและยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานมากขึ้นไปอีกหลายปี